วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2564

มรรค ๘

เรื่องมรรค ๘ ก็เป็นเหมือนเรื่องอริยสัจ ๔ ในบทความแรก  ไม่เคยเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่นัก
อ่านแล้วก็ไม่เข้าใจว่าคำสอนต่างๆจะสรุปลงในมรรค ๘ ได้อย่างไร

ตั้งแต่เรียนชั้นมัธยม จำได้ว่า สัมมาทิฏฐิ แปลว่า เห็นชอบ ก็รับรู้แค่นั้น

สัมมาวาจา ก็เข้าใจแค่ว่า เว้นจากการพูดเท็จ, พูดส่อเสียด, พูดคำหยาบ, พูดเพ้อเจ้อ

สัมมาวาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ ทุกวันนี้ก็ทำงานสุจริต


จนเมื่อเร็วๆนี้ ได้ไปเจอหนังสือเล่มหนึ่ง อธิบายความหมายของคำว่า สัมมาทิฏฐิ
จำคำพูดไม่ได้แม่นยำนัก แต่ไม่เหมือนกับสิ่งที่เคยจำมา จึงสะดุดใจ และมาค้นหาความหมายของสัมมาทิฏฐิ

🍀🍀🍀

การรู้ปล่อยวางในอารมณ์ เป็นวิถีแห่งความสงบสุข

การฝึกจิตให้รู้ปล่อยวางความวุ่นวาย ความรู้สึกยินดียินร้าย ที่เกิดเป็นกิเลส อกุศล เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้จิตไม่เศร้าหมอง

การท่องธัมมะภาวนาไว้ในใจอยู่เสมอ จะช่วยให้จิตรู้ปล่อยวาง ยิ่งเพียรได้ตลอดยิ่งดี ใจก็เกิดความสบาย  จัดเป็นการดำริชอบตามอริยมรรคมีองค์ ๘

ย่อจากการรู้ปล่อยวางในอารมณ์ หลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง

🍀🍀🍀

ตามสัมมาทิฏฐิสูตร สัมมาทิฏฐิ คือ การรู้ชัดซึ่งอกุศล มูลเหตุของอกุศล - ได้แก่ โลภะ โทสะ และโมหะ -  รู้ชัดซึ่งกุศล และมูลเหตุของกุศล

อกุศลทางกาย ได้แก่  ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม
อกุศลทางวาจา ได้แก่  พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ
อกุศลทางใจ ได้แก่  อยากได้ของผู้อื่น ปองร้าย และเห็นผิดจากคลองธรรม คือ ไม่เห็นว่า

  • ทานที่ให้แล้วมีผล
  • การสงเคราะห์มีผล
  • การยกย่องบูชาบุคคลที่ควรบูชามีผล
  • ผลแห่งกรรมดีและกรรมชั่วมีจริง
  • โลกนี้มี
  • โลกหน้ามี
  • แม่มี
  • พ่อมี
  • สัตว์ที่เกิดแบบโอปปาติกะมี
  • พระอรหันต์ผู้หมดกิเลสแล้วมี


สัมมาทิฏฐิ เป็นเบื้องต้นของการทำกุศลธรรม และอยู่ในหมวดของปัญญา ในศีล-สมาธิ-ปัญญา

🍀🍀🍀

จำไม่ได้ว่าได้ยินจากพระ/อาจารย์ท่านไหน สอนว่า "มรรค 8 ทุกข้อ มีพระนิพพานเป็นอารมณ์"

เพิ่งจะเริ่มเข้าใจเดี๋ยวนี้เอง ความว่า ...


บุคคลย่อมพยายามละมิจฉาวาจา เพื่อบรรลุสัมมาวาจา ความพยายามนั้น เป็นสัมมาวายามะ

บุคคลมีสติละมิจฉาวาจาได้ มีสติบรรลุสัมมาวาจาอยู่ สตินั้นเป็นสัมมาสติ

ด้วยอาการนี้ ธรรม ๓ ประการ คือ สัมมาทิฐิ สัมมาวายามะ สัมมาสติ ย่อมห้อมล้อม เป็นไปตามสัมมาวาจาของบุคคลนั้น ฯ

(๕)  ถ้าบัณฑิตรู้จักกาลแล้ว พึงประสงค์จะพูด

-  ควรเป็นคนมีปัญญา

-  ไม่เป็นคนเจ้าโทสะ

-  ไม่โอ้อวด

-  มีใจไม่ฟุ้งซ่าน

-  ไม่ใจเบาหุนหันพลันแล่น

-  ไม่เพ่งโทษ

กล่าวแต่ถ้อยคำที่บุคคลผู้ตั้งอยู่ในธรรมพูดกัน และประกอบด้วยธรรมซึ่งพระอริยเจ้าพูดจากันเพราะรู้ทั่วถึงได้เป็นอย่างดี เขาจึงพาทีได้

-  บุคคลควรอนุโมทนาคำที่เป็นสุภาษิต

-  ไม่ควรรุกรานในถ้อยคำที่กล่าวชั่ว

-  ไม่ควรศึกษาความแข่งดี

-  และไม่ควรยึดถือความพลั้งพลาด

-  ไม่ควรทับถม

-  ไม่ควรข่มขี่

-  ไม่ควรพูดถ้อยคำเหลาะแหละ

(๖) วาจาใด เป็นปม เป็นกาก เผ็ดร้อนต่อผู้อื่น เกี่ยวผู้อื่นไว้ ยั่วให้โกรธ ไม่เป็นไปเพื่อสมาธิ ละวาจาเช่นนั้นเสีย

วาจาใด ไร้โทษ สบายหู ไพเราะ จับใจ เป็นวาจาของชาวเมืองเป็นที่ยินดีเจริญใจของชนหมู่มาก กล่าววาจาเช่นนั้น

ที่มา ส - สัมมาสมาธิ | มูลนิธิอุทยานธรรม

🍀🍀🍀

สัมมาวาจา คือ วาจาที่เป็นไปเพื่อมรรคผลนิพพาน นั่นแล

ความเข้าใจที่เคยมีมานี้ ช่างตื้นเขินเสียจริงๆ ก็ยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า รู้มรรค 8 ทั้งหมด ก็ต้องศึกษาต่อไป :)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

คลังบทความของบล็อก