ที่เรายังไปหาความเลวของบุคคลอื่น เสียดสีเขาบ้าง พูดกระทบกระเทียบเขาบ้าง ทำลายความสุขใจเขาบ้าง นั่นแสดงว่า เรามันเลวที่สุดของความเลว คือความเลวมันไม่ได้ขังอยู่เฉพาะในใจ มันไหลออกมาทางกายไหลออกมาทางวาจา เพราะมันล้น
นี่ขอทุกท่านจงจำไว้ อย่าไปมองดูความเลวของคนอื่น มองดูความเลวของตน ไม่ต้องไปปรับปรุงบุคคลอื่น ปรับปรุงเราเองให้มันดีที่สุด
สำหรับคนที่เขามาสร้างความชั่วให้สะเทือนใจเรานั่นเขาเป็นทาสของกิเลส ตัณหา อุปาทาน และอกุศลกรรม ไม่มีทางที่จะคืนตัวได้ เขาก็มีแต่ความเร่าร้อน มีแต่ความเศร้าหมอง เพราะกิเลสมันทำจิตใจให้เศร้าหมอง
ถ้าเราจะไปต่อล้อต่อเถียงจะกระทำตอบ เราก็จะเลวตามเขา ไม่มีประโยชน์
จิตเราก็ระงับความโกรธด้วยอำนาจ ขันติ หรือ อุเบกขา เขาเลวก็ปล่อยให้เขาเลวไปแต่ผู้เดียว เราไม่ยอมเลวด้วย
อย่าทำอารมณ์ให้วุ่นวาย ดีหรือชั่วมันอยู่ที่การควบคุมกำลังใจ ถ้าใจของเราบริสุทธิ์ผุดผ่องเสียอย่างเดียว ใครจะว่าดีหรือชั่ว ไม่มีความสำคัญ เขาจะประณามว่าเลวมันก็เลวไม่ได้ ถ้าจิตของเราชั่วเขาจะสรรเสริญว่าดี มันก็ดีไม่ได้เหมือนกัน พระพุทธเจ้าทรงให้รักษากำลังใจ
********
เราจักเห็นรูปเพียงสักแต่ว่าเห็น จักฟังเสียงสักแต่ว่าฟัง จักรู้สักแต่ว่ารู้
อย่าให้มีความยึดมั่นถือมั่นเข้าจับเกาะในการเห็น การฟัง และการรู้นั้น
อย่าให้ความดีใจหรือเสียใจรั่วไหลเข้าสู่จิตใจเพราะการได้เห็น ได้ฟัง และได้รู้นั้น
ด้วยอาการอย่างนี้ ตัวเธอจักไม่มีในโลกนี้ หรือในโลกไหนๆ นั่นแหละคือที่สุดแห่งทุกข์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น