ช่วงนี้เกิดความคิดขึ้นอย่างหนึ่ง
คือ เมื่อจิตได้พบความสงบอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ( จะพยายามจำอารมณ์หรือระลึกถึงอารมณ์ของจิตนั้นเนืองๆ ) มันเกิดความรู้สึกว่า ไม่มีสิ่งใดเทียบได้เลย
ความต้องการแบบโลกๆ มันก็ยิ่งเบาบาง
เช่นว่า จะมีคู่ครอง มันสัมผัสได้แต่จิตที่ฟุ้งซ่าน ถ้าให้เทียบกับความสงบ ความว่าง ความเบาของจิตแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะเลือกแบบแรกแน่ๆ
การได้พบพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น คือที่สุดแล้ว ยิ่งได้ศึกษา ได้พบ ก็ยิ่งยึดมั่นในคำสอน ความสงบความสุขที่ได้จากตรงนี้ ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนให้ออกไปทางอื่นได้
...........
... รูปทั้งหลายที่พึงรู้แจ้งด้วยจักษุ อันน่าปรารถนา
น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัด มีอยู่
น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัด มีอยู่
ถ้าภิกษุไม่ยินดี ไม่กล่าวสรรเสริญ ไม่พัวพันรูปนั้น
เรากล่าวว่า เมื่อภิกษุนั้นไม่ยินดี ไม่กล่าว สรรเสริญ ไม่พัวพันรูปนั้น ความเพลินก็ดับไป
เพราะความเพลินดับไป ทุกข์จึงดับ ฯลฯ
... ธรรมารมณ์ที่พึงรู้แจ้งด้วยใจ อันน่าปรารถนา
น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัด มีอยู่
น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัด มีอยู่
ถ้าภิกษุไม่ยินดี ไม่กล่าวสรรเสริญ ไม่พัวพันธรรมารมณ์นั้น
เรากล่าวว่า เมื่อภิกษุนั้นไม่ยินดี ไม่กล่าวสรรเสริญ ไม่พัวพันธรรมารมณ์นั้น ความเพลินก็ดับไป
เพราะความเพลินดับไป ทุกข์จึงดับ
ด้วยประการฉะนี้ เธอนั้นจึงไม่ห่างไกลจากธรรมวินัยนี้ ฯ
สฬายตนวรรค
...........