การเดินเลือกหนังสือในร้านหนังสือธรรมะ ก็มักจะได้หนังสือดีติดไม้ติดมือกลับมาเสมอ
อย่างหนังสือ ปฏิปัตติปุจฉาวิสัชนา เป็นบทสนทนาที่มีความรู้ ได้จากการปฏิบัติจริง
ที่เขียนแบบนี้ เพราะมีหลายอย่างตรงใจกับที่เคยคิด เคยสงสัย และประสบพบเจอมา
แต่มิใช่ว่าจะปฏิบัติได้ยอดเยี่ยมอะไร ก็ยังมีโลภ โกรธ หลง เต็มที่อยู่เหมือนกัน
( * ไม่ว่าหนังสือนี้จะมีที่มาอย่างไร แต่หนังสือหรือคำสอนที่ดี ที่ตรงกับคำสอนของพระผู้มีพระภาค ก็ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว)
ขอยกตัวอย่างสิ่งที่ตรงใจ
ถามว่า ถ้าเราจะหมายจะคิดอยู่ในเรื่องความจริงของขันธ์ อย่างนี้จะเป็นปัญหาไหม
ตอบว่า ถ้าคิดเอาหมายเอา ก็เป็นสมถะ ที่เรียกว่า มรณัสสติ เพราะปัญญานั้นไม่ใช่เรื่องหมายหรือเรื่องคิด เป็นเรื่องของความเห็นอารมณ์ปัจจุบันที่ปรากฎเฉพาะหน้าราวกับตาเห็นรูปจึงจะเกิดปัญญา
(สนทนาถึงสักกายทิฐิ)
ตอบว่า ควรจะนึกถึง พระโกณทัญญะในธัมมจักร ท่านได้ความเห็นว่า
ยงฺกิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพนฺตํ นิโรธธมมํ
สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นล้วนมีความดับเป็นธรรมดา
และพระสารีบุตรพบพระอัสสชิ ได้ฟังอริยสัจย่อว่า
เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตุ ตถาคโต เตสญฺจ โย นิ โรโธ จ เอวํวาที มหาสมโณ
ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุของธรรมเหล่านั้น และความดับของธรรมเหล่านั้น
พระมหาสมณะมีปกติกล่าวอย่างนี้ ท่านก็ได้ดวงตาเห็นธรรมละสักกายทิฐิได้
ถามว่า ที่ต้องสำรวมวจีกรรม ๓ เพราะเหตุอะไร ทำไมจึงไม่ขาดอย่างมุสาวาท
ตอบว่า เป็นด้วยกามราคะกับปฏิฆะ สังโยชน์ทั้ง ๒ นี้ยังละไม่ได้
ถามว่า รูปราคะ คือ ยินดีในรูปฌาน อรูปราคะ ยินดีในอรูปฌาน ถ้าเช่นนั้นคนที่ไม่ได้บรรลุสมาบัติ ๘ สังโยชน์ทั้ง ๒ ก็ไม่มีโอกาสจะเกิดได้ เมื่อเป็นเช่นนี้สังโยชน์ ๒ ไม่มีหรือ
ตอบว่า มี ไม่เกิดในฌาน ก็ไปเกิดในเรื่องอื่น
ความยินดีในรูปขันธ์ หรือความยินดีใน รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ นั้นชื่อว่า รูปราคะ
ความยินดีในเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ หรือยินดีในสมถวิปัสสนา หรือยินดีในส่วนมรรคผล ที่ได้บรรลุเสขคุณแล้ว เหล่านี้ก็เป็นอรูปราคะได้
ถามว่า ถ้าเราไม่ได้บรรลุฌานชั้นสูงๆ จะเจริญปัญญา เพื่อให้ถึงซึ่งมรรคและผลจะได้ไหม
ตอบว่า ได้ เพราะวิธีเจริญปัญญาก็ต้องอาศัยสมาธิจริงอยู่ แต่ไม่ต้องถึงกับฌาน อาศัยสงบจิตที่พ้นนิวรณ์ ก็พอเป็นบาทของวิปัสสนาได้
๑๑๑๑๑
ท้ายนี้อ่านเจอและได้ข้อคิดจาก พระไพศาล วิสาโล ความว่า
เมื่อมือถูกไฟลวก มือจะชักออก นี่คือความฉลาดของกาย แต่เมื่อโกรธ ใจจะกอดความโกรธเอาไว้ ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ จะเห็นว่าใจโง่กว่ากาย ชอบหาทุกข์ใส่ตัว
คำพูดนี้เห็นจะจริง ร่างกายยังรู้จักทำเพื่อความอยู่เป็นสุข แต่พอใจเป็นทุกข์ ทำไมจึงไม่ทำเพื่อความอยู่เป็นสุขบ้าง จะเก็บความทุกข์ไว้ทำไม