วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

อัตตนา โจทยัตตานัง

"พระพุทธเจ้าตรัสว่า อัตตนา โจทยัตตานัง จงเตือนตนไว้เสมอ และจงโจทย์ตน กล่าวโทษตนไว้เป็นปกติ หาความชั่วของตัว อย่าไปหาความชั่วของบุคคลอื่น ถ้าเลวมากเมื่อไหร่ เราก็เพ่งเล็งความเลวของบุคคลอื่นมากเท่านั้น ถ้าเราดีมากเท่าไหร่ เราก็มองไม่เห็นความเลวของบุคคลอื่น" - เว็บพลังจิต

เรื่องนี้ยังขยายความได้ถึง ขันติ และ อุเบกขา หมายความว่า
หากบุคคลใดทำใจของเราให้เร่าร้อน ทำด้วยกายก็ดี ทำด้วยวาจาก็ดี ถ้าเรากระทำตอบ เราก็จะเลวตามเขา ให้ควบคุมตัวเรา อย่าให้ความเลวมันไหลออกมา
๑ ๑ ๑ ๑

ธรรมดาคนเรา ไม่มีใครถูกใจเราร้อยเปอร์เซนต์

เมื่อบุคคลทำอะไรให้ไม่ถูกใจเรา ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของโลก

ถ้อยคำหรือจริยาของบุคคลอื่นไม่ได้สร้างความดีหรือความเลวให้กับเรา


ถ้าเราโกรธตอบ พยายามทำกลับคืนให้เขาเจ็บช้ำใจเช่นกัน ก็เท่ากับเราปล่อยความเลวให้ไหลออกมาทางกาย วาจา


แท้ที่จริงแล้ว
ความโกรธนั้นคือภัยที่ทำร้ายตัวเอง โกรธแล้วมองไม่เห็นธรรม ไม่สามารถทรงความดีไว้ได้
ทำให้จิตเศร้าหมอง อยู่ในอำนาจของอกุศลกรรม

ตกเป็นทาสของกิเลส

แล้วเหตุใดเราต้องมาเบียดเบียนตนเอง ทำให้ใจตนเองให้เร่าร้อน เป็นทุกข์ ตัดความประพฤติที่ต้องการรักษา
ตายตอนนี้ก็มีอบายภูมิเป็นที่ไป 'มาเป็นคนได้นิดเดียว จะตั้งหน้าตั้งตาเดินทางไปนรกซะแล้ว'


ขันธ์ใดก่อเหตุ ขันธ์นั้นก็ดับไปแล้ว แล้วกำลังโกรธอะไร โกรธขันธ์ของคนอื่น ที่หาแก่นสารไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องตายแตกดับไปหรือ


เราจะไม่เป็นทาสของกิเลส เราจะเป็นไท และเจริญเมตตา ยินดีเมื่อบุคคลได้ดี ไม่อิจฉาริษยา และไม่ซ้ำเติม

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

อริยสัจ ๔

แต่ก่อนเคยคิดว่า อริยสัจ ๔ เป็นเรื่องเล็กน้อย ทำไมธรรมะหัวข้อนี้จึงไปอยู่ในธรรมะเพื่อหลุดพ้น แล้วก็นึกย้อนไปถึงสมัยประถมที่คุณครูสั่งการบ้าน ให้ยกตัวอย่างเรื่องอริยสัจ ๔ ยังจำคำตอบได้ว่า

ทุกข์ : เป็นหวัด
สมุทัย : ตากฝน
นิโรธ : หายเป็นหวัด
มรรค : กินยา
จนเมื่อได้มาอ่าน วิธีหลุดพ้น จากนามปากกา ล้ำลึก ความว่า

"จิตส่งออกนอกคือสมุทัย มีผลเป็นทุกข์ จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นมรรค มีผลเป็นนิโรธ" -
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

กุศลธรรมทั้งหลายรวมลงได้ในอริยสัจสี่ ทุกข์นั้นเกิดจากสมุทัย คือ ตัณหา (ความทะยานอยากของจิต)
และความพ้นทุกข์เกิดจากความสิ้นไปของตัณหา แม้แต่มรรคมีองค์แปด ซึ่งย่อลงเป็นศีล
สมาธิ และปัญญาก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับจิต กล่าวคือ

ศีล คือ
ความเป็นปรกติธรรมดาของจิตที่ไม่ถูกสภาวะอันใดครอบงำ
สมาธิ คือ
ความตั้งมั่นของจิต และ
ปัญญา คือ ความรอบรู้ของจิต
จึงคิดใคร่ครวญได้ว่า อริยสัจ ๔ เป็นธรรมเพื่อความหลุดพ้นจริง แล้วก็อยากกลับไปแก้การบ้านว่า

ทุกข์ เพราะเป็นหวัดนั้น เพราะคิดว่าร่างกายมันจะไม่แก่ มันจะไม่เจ็บ มันจะไม่ป่วย หากเรามองว่า ร่างกายเป็นทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ร่างกายนี้เป็นรังของโรค เราก็จะไม่เป็นทุกข์

๑ ๑ ๑ ๑

บทความที่ได้รับความนิยม

คลังบทความของบล็อก