วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

จิตจับพระนิพพาน

อารมณ์ดีจริงๆที่เขาเรียกว่าทรงฌาน ก็คือทรงอารมณ์ที่เป็นกุศลตลอดเวลา ถ้านึกถึงพระนิพพานไว้ว่าเราจะไปพระนิพพาน เราก็จับจุดพระนิพพาน ใช้คำภาวนาว่า นิพพานัง ให้จิตนึกถึงพระนิพพานเป็นปกติ ถ้านึกนานๆเข้า อารมณ์กิเลสทุกอย่างมันจะลดตัว


พยายามประคับประคองใจให้อยู่ในด้านกุศลตลอดเวลา อย่าให้มีอารมณ์ที่เป็นอกุศลเกิดขึ้น ความไม่ดีจงอย่าคบ


ทีนี้ต้องระวังที่จริยาเสีย เพราะจิตมันเป็นอกุศล คิดจะว่าคนโน้น คิดจะด่าคนนี้ นี่มันเป็นอเวจี ทุกๆวันระวังจิตไว้ ถ้าจิตมันดีละก็ ความเลวทางกาย ทางวาจาไม่มี ความเร่าร้อนในเขตที่เราอยู่มันก็ไม่มี


- ธรรมะปฏิบัติ ๓๘


ถ้าหากว่าเราเจริญพระกรรมฐานโดยใช้การภาวนาอย่างเดียว แต่ไม่มองจิตของเรา ไม่ใคร่ครวญอารมณ์ของจิต บางทีการเจริญพระกรรมฐานแบบนั้นก็มีผลเหมือนกัน แต่ว่าผลมันช้าเกินไป

ดูอารมณ์จิตเพื่อ..
ตัดความโกรธ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ตัดในอาการตรงกันข้าม เราก็มานั่งคิดดูว่า คนที่เกิดมาในโลกนี้มีความทุกข์ย่ำแย่อยู่แล้ว เราไม่ประทุษร้ายเขา เขาก็มีความทุกข์ มีความลำบาก มีการป่วยไข้ไม่สบาย มีความแก่ ทุกคนมีความทุกข์อยู่แล้ว เขาก็ต้องตายอยู่แล้ว

หรือพิจารณาว่า เขากับเรามีความรักสุขเกลียดทุกข์เหมือนกัน นี่เราจะไปสร้างศัตรูเพื่อประโยชน์อะไร เมื่อเรามีศัตรูมากเพียงใด ความทุกข์มันก็มีมากเพียงนั้น เพราะไปทางไหนก็ต้องระวังอยู่ตลอดเวลา กลัวศัตรูจะทำร้าย ถ้าเราไปไหนมีคนรักมาก เราก็มีความสุข

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้แก้อาการโทสะด้วยเมตตาบารมี ทำใจของเราให้รู้จักอภัย คิดเสียว่าทุกคนทำความผิดด้วยความเข้าใจผิด หลงผิด เพราะทุกคนต้องการความสุข แต่ที่ทำเพราะอาศัยอำนาจแห่งโมหะจริต คือความคิดผิดเข้ามาครอบงำ ไม่ใช่ทำไปด้วยความฉลาด ถ้าเขาฉลาดก็ต้องไม่เป็นศัตรูกับใคร

พระพุทธเจ้ากล่าวว่า โทสัคคิ ไฟคือโทสะ ความโกรธมีอาการเผาผลาญให้ร้อนอยู่ตลอดเวลา แต่การให้อภัย ใครเขาจะว่าอย่างไร ก็ถือว่าช่างเถอะ ปล่อยไป เราไม่ตอบสนอง เป็นการระงับอารมณ์ร้ายจากใจของเรา

- คัดย่อจากคำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง ๔๒

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

คลังบทความของบล็อก