วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2561

พุทธ คือ อะไร

การนับถือศาสนาพุทธ วัดกันที่ได้ไปนั่งสมาธิตามสถานที่อย่างนั้นหรือ?


********

... นางชัมพุกาเดินทางไปพบสำนักปริพาชก ถามว่า "ท่านผู้เจริญ อะไรเป็นสูงสุดแห่งการบรรพชาของท่าน" ปริพาชกตอบว่า "บุคคลกระทำบริกรรมในกสิณ ๑๐ แล้วพึงยังฌานให้บังเกิดบ้าง พึงเรียนวาทะพันหนึ่งบ้าง นี้เป็นประโยชน์สูงสุดแห่งบรรพชาของพวกเรา"

(ถึงกระนั้นก็ยังไม่ถึงที่สุดแห่งกองทุกข์) เมื่อเรียนจบวาทะพันหนึ่ง ปริพาชกก็ให้นางเที่ยวไป หาผู้สามารถกล่าวปัญหากับตนได้ จนได้พบพระสารีบุตร

พระเถระถามว่า "ทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนมีความเป็นคู่ พระอาทิตย์คู่พระจันทร์ กลางวันคู่กลางคืน อ่อนคู่กับแข็ง สุขคู่กับทุกข์ แต่มีอยู่สิ่งเดียวที่มีเพียงหนึ่ง ไม่มีคู่เลย สิ่งนั้นคืออะไร (อะไรชื่อว่าหนึ่ง)" (สิ่งนั้นคือ พระนิพพาน นั่นเอง) 

นางชัมพุกายอมพ่ายแพ้ และขอศึกษาวิชาพุทธมนต์ พระสารีบุตรพามาหาพระผู้มีพระภาค ทรงตรัสว่า

"ผู้ใดกล่าวคาถาที่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ แม้ตั้ง ๑,๐๐๐ คาถา ผู้กล่าวคาถาที่ประกอบด้วยประโยชน์แม้เพียงคาถาเดียว ยังผู้ฟังให้สงบ ระงับได้ ชื่อว่า ประเสริฐกว่าแล"

ทั้งที่นางกำลังยืนอยู่นั้น ยังไม่ทันจะนั่งลงก็ได้บรรลุพระอรหันตผล

********

ก็บุคคลผู้มีศีลเพ่งพินิจ มีชีวิตอยู่วันเดียว ประเสริฐกว่าบุคคลผู้ทุศีล มีจิตไม่มั่นคงมีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี 
ก็บุคคลผู้มีปัญญาเพ่งพินิจ มีชีวิตอยู่วันเดียวประเสริฐกว่า
บุคคลผู้ไร้ปัญญามีจิตไม่มั่นคง มีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี
ก็บุคคลผู้ปรารภความเพียรมั่น มีชีวิตอยู่วันเดียว ประเสริฐกว่า
บุคคลผู้เกียจคร้านมีความเพียรอันเลว มีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี 
ก็บุคคลผู้พิจารณาเห็นความเกิดขึ้นและเสื่อมไป มีชีวิตอยู่วันเดียวประเสริฐกว่า
บุคคล ผู้ไม่พิจารณาเห็นความเกิดขึ้น และความเสื่อมไปมีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี 
ก็บุคคลผู้พิจารณาเห็นอมตบท มีชีวิตอยู่วันเดียว ประเสริฐกว่า
บุคคลผู้ไม่พิจารณาเห็นอมตบทมีชีวิตอยู่ร้อยปี 
ก็บุคคลผู้พิจารณาเห็นธรรมอันสูงสุด มีชีวิตอยู่วันเดียวประเสริฐกว่า
บุคคลผู้ไม่พิจารณาเห็นธรรมอันสูงสุดมีชีวิตอยู่ร้อยปี



********

เธอทั้งหลายพึงศึกษาว่า เราทั้งหลายจักเป็นผู้ฉลาดในวาระจิตของตน

ดูกรภิกษุทั้งหลายการพิจารณาของภิกษุว่า เราเป็นผู้มีอภิชฌาอยู่โดยมากหรือหนอ หรือว่าเราไม่เป็นผู้มีอภิชฌาอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้มีจิตพยาบาทอยู่โดยมากหรือหนอ หรือว่าเราไม่เป็นผู้มีจิตไม่พยาบาทอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้อันถีนมิทธะกลุ้มรุมอยู่โดยมากหรือหนอ หรือว่าเราเป็นผู้ปราศจากถีนมิทธะอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้ฟุ้งซ่านอยู่โดยมากหรือหนอ หรือว่าเราเป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่านอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้มีความสงสัยอยู่โดยมากหรือหนอ หรือว่าเราเป็นผู้ข้ามพ้นความสงสัยได้โดยมาก
เราเป็นผู้โกรธอยู่โดยมากหรือหนอ หรือว่าเราเป็นผู้ไม่โกรธอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้มีจิตเศร้าหมองอยู่โดยมากหรือหนอ หรือว่าเราเป็นผู้มีจิตไม่เศร้าหมองอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้มีกายอันปรารภแรงกล้าอยู่โดยมากหรือหนอ หรือว่าเราเป็นผู้มีกายอันมิได้ปรารภแรงกล้าอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้เกียจคร้านอยู่โดยมากหรือหนอ หรือว่าเราเป็นผู้ปรารภความเพียรอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้มีจิตไม่ตั้งมั่นอยู่โดยมากหรือหนอ หรือว่าเราเป็นผู้มีจิตตั้งมั่นอยู่โดยมาก ดังนี้
ย่อมเป็นอุปการะมากในกุศลธรรมทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล ฯ

ภิกษุนั้นควรทำความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขม้น ความไม่ท้อถอย สติและสัมปชัญญะ ให้มีประมาณยิ่ง เพื่อละธรรมทั้งหลาย ที่เป็นบาปอกุศลเหล่านั้น ฯ

********

บทความที่ได้รับความนิยม

คลังบทความของบล็อก