ช่วงเวลาที่เดินกลับบ้านจนถึงก่อนนอน มักได้คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
วานนี้ก็มีอารมณ์คิดไปว่า กิเลสนี้ก็ไหลไปตามร่างกาย หมายถึงว่า เกิดเป็นอะไรก็มีกิเลสไปแบบนั้น
เกิดเป็นสัตว์ มีกิเลสแบบหนึ่ง
เกิดเป็นคน ก็มีกิเลสไปอีกแบบหนึ่งที่สลับซับซ้อนขึ้น
คือ ไม่ใช่แค่ต้องการอาหารเพื่อดับทุกข์หิว แต่ต้องการปรุงแต่งรสชาติให้ถูกปากยิ่งๆขึ้นไป
นอกจากนี้ ก็มีความรักสวยรักงาม
พอถึงวัยหนุ่มสาว ก็อยากมีความรัก หลงใหลไปกับสัมผัสทางตา ทางกาย
แล้วคนที่ติดอยู่ในความรักนี้ ติดอะไร ติดร่างกาย ของอีกฝ่ายที่เกิด แก่ เจ็บ ตาย
สุดท้ายก็แตกสลาย หาแก่นสารไม่ได้หรือ
เมื่อตายแล้ว จิตดวงนั้นก็ร่อนเร่ไปในวัฏสงสาร ไม่รู้อยู่ที่ไหน
เขาว่า ถ้าอยากเห็นภาพกว้างๆ ก็ต้องถอยหลังออกมา
นี่ก็เหมือนกัน ถอยไปหลายๆชาติ ให้เห็นการเวียนตายเวียนเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่งงาน มีครอบครัว มีลูกหรือ เป็นแบบนี้มากี่ภพกี่ชาติแล้ว
มีคนเขียนไว้ว่า
"เรื่องราวต่างๆในชีวิตล้วนไร้สาระไม่มีอยู่จริง เกิดจากการปรุงแต่งไปเองทั้งสิ้น"
คิดแล้วก็เห็นด้วย, รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ความสุขหรือทุกข์ เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
ความสุขที่ได้จากสิ่งใดสิ่งหนึ่ง สิ่งนั้นก็ไม่ได้ให้ความสุขตลอดไป
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ต้องหยุดความรู้สึกยินดียินร้าย (เมื่อเห็นรูป ฯลฯ)
ขอแค่ไม่มีร่างกายอย่างเดียว เรื่องทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้น
จะไม่มีความรู้สึกเดือดร้อนที่จะต้องเลี้ยงชีพ ไม่ต้องกังวลว่าจะอยู่คนเดียวได้ไหม
จะมีความสุขกว่าคนอื่นได้อย่างไร หรือเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับสังคม
ยิ่งอยู่ ก็ยิ่งเจอกิเลสหลายรูปแบบ
เหมือนเป็นลำดับที่ต้องเจอ เพื่อจะได้รู้ว่าจะผ่านบททดสอบนี้ไปได้อย่างไร
วานนี้ก็มีอารมณ์คิดไปว่า กิเลสนี้ก็ไหลไปตามร่างกาย หมายถึงว่า เกิดเป็นอะไรก็มีกิเลสไปแบบนั้น
เกิดเป็นสัตว์ มีกิเลสแบบหนึ่ง
เกิดเป็นคน ก็มีกิเลสไปอีกแบบหนึ่งที่สลับซับซ้อนขึ้น
คือ ไม่ใช่แค่ต้องการอาหารเพื่อดับทุกข์หิว แต่ต้องการปรุงแต่งรสชาติให้ถูกปากยิ่งๆขึ้นไป
นอกจากนี้ ก็มีความรักสวยรักงาม
พอถึงวัยหนุ่มสาว ก็อยากมีความรัก หลงใหลไปกับสัมผัสทางตา ทางกาย
แล้วคนที่ติดอยู่ในความรักนี้ ติดอะไร ติดร่างกาย ของอีกฝ่ายที่เกิด แก่ เจ็บ ตาย
สุดท้ายก็แตกสลาย หาแก่นสารไม่ได้หรือ
เมื่อตายแล้ว จิตดวงนั้นก็ร่อนเร่ไปในวัฏสงสาร ไม่รู้อยู่ที่ไหน
เขาว่า ถ้าอยากเห็นภาพกว้างๆ ก็ต้องถอยหลังออกมา
นี่ก็เหมือนกัน ถอยไปหลายๆชาติ ให้เห็นการเวียนตายเวียนเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่งงาน มีครอบครัว มีลูกหรือ เป็นแบบนี้มากี่ภพกี่ชาติแล้ว
มีคนเขียนไว้ว่า
"เรื่องราวต่างๆในชีวิตล้วนไร้สาระไม่มีอยู่จริง เกิดจากการปรุงแต่งไปเองทั้งสิ้น"
คิดแล้วก็เห็นด้วย, รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ความสุขหรือทุกข์ เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
ความสุขที่ได้จากสิ่งใดสิ่งหนึ่ง สิ่งนั้นก็ไม่ได้ให้ความสุขตลอดไป
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ต้องหยุดความรู้สึกยินดียินร้าย (เมื่อเห็นรูป ฯลฯ)
ขอแค่ไม่มีร่างกายอย่างเดียว เรื่องทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้น
จะไม่มีความรู้สึกเดือดร้อนที่จะต้องเลี้ยงชีพ ไม่ต้องกังวลว่าจะอยู่คนเดียวได้ไหม
จะมีความสุขกว่าคนอื่นได้อย่างไร หรือเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับสังคม
----------------
ยิ่งอยู่ ก็ยิ่งเจอกิเลสหลายรูปแบบ
เหมือนเป็นลำดับที่ต้องเจอ เพื่อจะได้รู้ว่าจะผ่านบททดสอบนี้ไปได้อย่างไร