วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556

อย่าใช้เวลาทำลายประโยชน์

ก่อนนอนหยิบหนังสือหลวงพ่อขึ้นมาอ่าน ก็เจอจังๆว่า

"
จิตของท่านมีสมาธิหรือเปล่า ปัญญาของท่านสามารถทำลายกิเลสให้เป็นสมุจเฉทปหานหรือเปล่า
ไปนั่งวิพากษ์วิจารณ์คนนั้นทำอย่างนั้น คนนี้ทำอย่างนี้  สิ่งที่คิดอย่างนี้มันได้ประโยชน์อะไร
วันเวลามันล่วงไปๆ ความตายมันคืบใกล้เข้ามาทุกที อารมณ์ใจของเรารักพระนิพพานเป็นอารมณ์แล้วหรือยัง
เราทำลายความชั่วได้แล้วหรือยัง

จะเอาเวลาของจิตไปทำลายประโยชน์เพื่ออะไร พยายามสร้างความดีจนกระทั่งจิตไม่ติดอยู่ในกายของเรา
จิตไม่ติดอยู่ในกายของคนอื่น จิตไม่ติดอยู่ในสรรพวัตถุทั้งหลายในโลกทั้งหมด

จงอย่าสนใจในจริยาของบุคคลอื่น เขาจะดีจะเลวอย่างไร เป็นเรื่องของเขา
เขาจะกินมาก เขาจะกินน้อย เขาจะดีมาก เขาจะดีน้อย มีวาจาไม่ดี อย่าไปสนใจเด็ดขาด
ถ้าไปสนใจ พระพุทธเจ้าทรงกล่าวว่าเป็น อุปกิเลส คือความชั่ว
"
- พ่อสอนลูก

ถ้าสามารถระงับนิวรณ์ ๕ ได้ จิตจะเป็นปฐมฌานทันที และหลังจากนั้นก็จะเป็นฌานสูงขึ้นไป
 

วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ตัดกามราคะ

วันนี้ได้คุยกับคุณยายปราโมทย์ที่ซอยสายลม ที่คุณยายสอน เกิดความเข้าใจขึ้นมาทันที

"ตาก็ไม่ใช่ของเรา พอตามองเห็น เราก็รับมาปรุงแต่งต่อ"

เหมือนความจริงที่เป็นอยู่ตอนนี้เลยว่า ตาก็สักแต่ว่าเห็น แต่เรานี่แหละ มาปรุงแต่งต่อไปว่า นี่ถูกใจนะ อยากครอบครองนะ กิเลสก็ฟุ้งขึ้นมา

 ๑๑๑๑๑

ราคะ แปลว่า ความกำหนัดยินดี ความพอใจ ความติดใจ หมายถึง ความติดอกติดใจในสิ่งใดๆก็ตาม

ติดใจในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ก็เป็นกามราคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางตา

เมื่อตาสัมผัสรูป จักขุวิญญาณมีอยู่ เวทนาจึงเกิด เมื่อเวทนาเกิด ตัณหาจึงเกิด
ลักษณะของรูปมีอยู่ ชวนให้รัก ให้ใคร่ ให้หลงใหล ให้พึงใจ ให้ปรารถนา เป็นเหตุแห่งความกำหนัด เป็นเหตุแห่งราคะ

บทความที่ได้รับความนิยม

คลังบทความของบล็อก