วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2556

เกร็ดพระวินัย

อกุศลจิต มี 3 ประเภท

1.  โลภมูลจิต     จิตซึ่งมี โลภะ เป็นมูลเหตุ
2.  โทสมูลจิต     จิตซึ่งมี โทสะ เป็นมูลเหตุ
3.  โมหมูลจิต     จิตซึ่งมี โมหะ เป็นมูลเหตุ  โมหะ (ความไม่รู้) เกิดกับจิตทุกดวง หมายถึงว่า โลภมูลจิต เกิดจาก โมหเหตุ และโลภเหตุ โทสมูลจิต ก็เกิดจาก โมหเหตุ และ โทสเหตุ  เพราะความไม่รู้ตามความเป็นจริง จึงนำไปสู่ความโลภ และความโกรธ



โลภมูลจิต มี 8 ดวง มาจากการแบ่งด้วย 3 นัยยะ นัยยะ ละ 2 แบบ

นัยยะ1:  4 ดวง  เกิดร่วมกับความเห็นผิด (ทิฏฺฐิคตสมฺปยุตฺต) อีก 4 ดวง  ไม่เกิดร่วมกับความเห็นผิด (ทิฏฺฐิคตวิปฺปยุตฺ)

นัยยะ 2: เวทนา ที่เกิดพร้อมกับโลภมูลจิต อาจเป็น โสมนัสเวทนา   หรือ อุเบกขาเวทนา แต่โทมนัสเวทนาจะไม่เกิดกับโลภมูลจิต ดังนั้น โลภมูลจิต 8 ดวง 4 ดวง เกิดร่วมกับโสมนัสเวทนา 4 ดวง เกิดร่วมกับอุเบกขาเวทนา

นัยยะ 3: เป็น อสังขาริก   (ไม่มีการชักจูง)  หรือ สสังขาริก (มีการชักจูง)


โลภะแบ่งเป็นระดับขั้น: ขั้นหยาบ  ขั้นกลาง   และ ขั้นละเอียด
เป็นเหตุให้ทำสิ่งที่ธรรมดาที่สุดบ่อยๆในชีวิตประจำวัน เช่น ขณะที่อยากยืน อยากหยิบจับอะไรๆ
ขั้นละเอียดเกิดขึ้นเมื่อชื่นชอบกลิ่นหอม หรือเพลงเพราะๆ


ถึงตรงนี้จึงทำให้รู้ว่า พระวินัย ไม่ได้บัญญัติไว้เพื่อความสำรวมสำหรับพระภิกษุอย่างที่เคยเข้าใจเท่านั้น 
แต่เพื่อให้ระลังโลภะขั้นละเอียดด้วย 
ดังใน ปาจิตตีย์  92 (แปลตามตัวอักษรว่า การละเมิดอันยังกุศลให้ตก เป็นอาบัติหมวดหนึ่งในลหุกาบัติ (อาบัติเบา)) ที่ห้ามภิกษุพูดปด ห้ามล้อเลียนพระภิกษุอื่น ห้ามเล่นในน้ำ เป็นต้น 
ก็เนื่องมาจากว่า การกระทำเหล่านี้เกิดจากอกุศลจิต นั่นเอง



บทความที่ได้รับความนิยม

คลังบทความของบล็อก